วิธีรักษาท้องผูกให้หายถาวร รวมถึงแปลงเพศแล้วท้องผูก แปลงเพศแล้วถ่ายไม่ออก สอนวิธีรักษาให้หายถาวร

 

 

ท้องผูก รวมถึงแปลงเพศแล้วท้องผูก หรือแปลงเพศแล้วถ่ายไม่ออก ทำยังไงดีคะ ? พี่หมวยจะมาสอนวิธีรักษาให้หายถาวรค่ะ

 

กรณีที่ท้องผูกก่อนมาแปลงเพศอันนี้น้องๆต้องรักษาให้หายก่อนนะคะ จะดีมากค่ะ เดี๋ยวพี่หมวยจะแนะนำให้ค่ะ (รวมไปถึงมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักบ่อยๆ หรือสวนน้ำเข้าทางทวารเพื่อทำแท้งมาบ่อยๆจนท้องผูก ก็ควรรักษาให้หายมาก่อนนะคะ)

มีน้องๆหลายๆคนแปลงเพศแล้วท้องผูก (หรือแปลงเพศแล้วถ่ายไม่ออก) ท้องผูกนั้นเกิดจากหลังแปลงเพศ ไม่ได้ท้องผูกก่อนมาแปลงเพศ ก่อนแปลงนั้นขับถ่ายปกติ พอหลังแปลงเพศเกิดขับถ่ายยากขึ้น พี่หมวยเข้าใจค่ะ ว่ามันทรมานมากๆ บางคนท้อแท้กันเลย แทบอยากตาย เบ่งยังไงก็ไม่ออก ทำยังไงก็ไม่ออก เบ่งกันแทบจะเป็นลม หน้ามืด ประมาณเส้นเลือดในสมองแทบแตก พี่หมวยจะสอนให้นะคะ ว่ามีวิธีรักษาค่ะ ห้ามท้อแท้ แต่ต้องยอมรับและอดทนและค่อยๆแก้ไปค่ะ พอมันเริ่มดีขึ้นแล้วเราจะมีความสุขขึ้นอย่างมากค่ะ

ทีนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าท้องผูกเหมือนรายปกติทั่วไป การรักษาก็จะต้องทำตาม 7 ข้อที่หมวยสอนนะคะ

ก่อนอื่นเลยเลิกเครียดค่ะ (แล้วพี่หมวยจะพาเราไปเข้าสู่ขั้นตอนต่อๆไป) โดยเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า ท้องผูกที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากก่อนแปลงเพศ หรือหลังแปลงเพศ และโดยการต่อลำไส้ค่ะ โดยวันนี้พี่หมวยจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับท้องผูกที่เกิดจากการแปลงเพศแบบต่อลำไส้ค่ะ

ถ้าท้องผูกอันเกิดจากการแปลงเพศแบบต่อลำไส้ ก็คือลำไส้ที่ถูกตัดส่วนหนึ่งออกมาทำช่องคลอดให้เรา แล้วนำอีกส่วนหนึ่งเข้ามาต่อกับทวารหนัก บริเวณที่ลงมีดและมีการเย็บบริเวณนั้นๆน่ะ มันจะทำให้เกิดพังผืด ก็เลยทำให้ไม่สามารถยืดหยุ่นเหมือนเดิมได้ พังผืดมันจะบีบรัดไว้ อุจจาระเราจึงก้อนเล็กลง สั้นขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว มันก็จะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนตัวได้ลำบากขึ้นค่ะ บางคนจะสะสมเป็นก้อนแข็งและใหญ่ เวลาขับถ่ายออกมาจะทั้งทรมานและเจ็บ และมีเลือดออกได้ด้วย ออกยากมาก และไม่ออกด้วยค่ะ ต้องค่อยๆแก้นะคะ ซึ่งมันมีวิธีค่ะ

ซึ่งวิธีแก้นั้นเราต้องฝึกขมิบค่ะ ขมิบจนเก่งเลยค่ะ และต้องขมิบอย่างมีความสุขด้วยนะคะ แล้วที่สำคัญต้องออกกำลังกายค่ะ สำหรับพี่หมวยจะออกกำลังกายด้วยการวิ่งค่ะ ส่วนการทานก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากเช่นกันนะคะ ลองดูว่าร่างกายเราทานอะไรแล้วมีผลเป็นอย่างไร เราทานอะไรแล้วทำให้อุจจาระนิ่มลง ขับถ่ายง่ายขึ้น ค่อยๆดูว่าร่างกายเราเหมาะกับแบบไหนนะคะ แล้วดำเนินการตามวิธีของคนที่ท้องผูกแบบรายปกติทั่วไปค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะคะ ค่อยๆเรียนรู้ร่างกายเรา เราเอาชนะมันได้นะคะ เราเก่งค่ะ

ส่วนนอกเหนือจากการขมิบเป็นหัวใจหลักแล้ว การแขม่วพุงแล้วเกร็งหน้าท้องก็เป็นอีกวิธีที่ดีมากค่ะ แต่วิธีนี้ก็แล้วแต่คนด้วยนะคะ หากใครกำลังมีพุงอยู่พอดี แล้วอยากพุงยุบ อันเนื่องมาจากกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง การแขม่วพุงแล้วเกร็งหน้าท้องบ่อยๆ เป็นประจำ ก็จะช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้นด้วยค่ะ ร่วมกับการออกกำลังกายบริหารหน้าท้องก็ดี (โดยน้องๆสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมที่บทความผอมแต่มีพุง มีซิกแพคแต่พุงป่อง ออกกำลังกายลดหมดแต่พุงไม่ลด ฯลฯ ของพี่หมวยเพิ่มเติมได้นะคะ เกี่ยวกับวิธีทำต่างๆในส่วนของการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องค่ะ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่พาดมาด้านข้าง ไม่ใช่ตรงกลางที่เราเห็นเป็นซิกแพคนะคะ เราจะบริหารตรงนั้น) โดยการทำอันใดก็ตามทั้งหมดทั้งมวล ต้องทำอย่างมีความสุข ทำอย่างพอดี ไม่ยึดติด ไม่เครียดค่ะ

การรักษาท้องผูกนั้นง่ายมากค่ะ เราต้องใช้วิธีธรรมชาติค่ะ พี่หมวยห้ามเลยนะคะ ใช้ยาถ่าย ยาระบายบ้าง ยาเหน็บบ้าง เอานิ้วล้วงบ้าง เอาน้ำสวนเข้าไปบ้าง ไม่ว่าจะน้ำเปล่าหรือน้ำยาของลูกสวนทวารก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลนี้ห้ามทั้งหมดค่ะ เว้นแต่จำเป็นต้องใช้จริงๆค่ะ หรือเพื่อการรักษาช่วงแรกค่ะ อย่างไรแค่ช่วงแรกพอนะคะ

1. แรกๆให้ปรับเปลี่ยนการทานอาหารค่ะ ให้เน้นดื่มน้ำ ทานผลไม้ ทานผักเยอะๆ เน้นกากใย ทานอาหารอ่อนๆไปก่อนค่ะ

2. ทานตัวช่วยที่เหมาะกับร่างกายเราในช่วงแรกๆ (ห้ามใช้ตัวช่วยถ่ายนะคะ เช่น ยาถ่าย ลูกสวน ยาเหน็บ นิ้วล้วง ฉีดน้ำ ห้ามเด็ดขาดเลยนะคะ คือการสวนน้ำเข้าไปข้างในทุกรูปแบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า (ทำแท้ง) น้ำเกลือ การใช้ยาสวนต่างๆ ฯลฯ ห้ามเด็ดขาดค่ะ) เช่น ทานโยเกิร์ต ดื่มนมเปรี้ยว ดื่มนมผสมโยเกิร์ต ทานกล้วยน้ำว้า มะละกอ ตำลึง มะขาม สับปะรด แก้วมังกร หรือแก้วมังกรผสมนมเปรี้ยว มะม่วงจิ้มกะปิหวาน ฯลฯ เอาที่เหมาะกับร่างกายเรา เป็นต้นค่ะ แต่อย่าทานเยอะ ทานบ่อย ติดต่อกันนานไปนะคะ สลับสับเปลี่ยนกันไป ไม่ว่าจะทานอะไร ทำอะไรต้องเดินสายกลางค่ะ แต่พอดี และหลากหลายค่ะ (ส่วนพวกน้ำลูกพรุนถ้าช่วยได้ก็อย่าทานบ่อยเกินไปค่ะ เพราะเดี๋ยวเราจะกลายเป็นต้องทานตลอด เอาเป็นแค่ตัวช่วยระยะสั้นๆค่ะ)

3. ออกกำลังกาย + ออกกำลังกายลำไส้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น สมัยก่อนพี่หมวยวิ่งวันละ 7-10 โลเป็นประจำ อาทิตย์ละ 5-6 วัน หลังๆมาเหลือวันละ 3-4 โล อาทิตย์ละ 3-5 วัน ปัจจุบันวันละ 1-2 โล อาทิตย์ละ 2 วัน 3 วัน หรือ 4-5-6 วัน 55+ ก็เพียงพอแล้วค่ะ (เอ๊ะงง แล้วแต่อารมณ์ และเวลา 55) ต้องวิ่งอย่างมีความสุขด้วยนะคะ มีพักทุกๆรอบ วิ่งบ้าง เดินช้าบ้าง เดินเร็วบ้าง มีการยกขา ก้มตัว ลุกนั่ง ตีศอกมาที่เข่า บริหารร่างกายทำให้ลำได้บิดได้งอ (หรือบางคนถนัดกระโดดเชือกก็ได้ค่ะ เป็นต้น) มีสลับการขมิบ เมื่อเริ่มผายลมได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ ดื่มน้ำเยอะๆ เดี๋ยวมันก็จะค่อยๆเริ่มมาค่ะ ปัจจุบันพี่หมวยขับถ่ายเป็นปกติทุกอย่างแล้วค่ะ บางทีไม่สบายหยุดวิ่งเป็นอาทิตย์ หรือมีศัลยกรรมหยุดเป็นเดือนก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ พอหายแล้วก็กลับไปออกกำลังกาย มีขมิบบ้างเหมือนเดิมค่ะ ทำอะไรทำอย่างมีความสุขนะคะ ไม่เครียด พยายามมีวินัยนะคะ และต้องรู้จักผ่อนปรนค่ะ ส่วนการแขม่วพุงแล้วเกร็งหน้าท้อง อันเนื่องมากจากมีพุง อยากลดพุงร่วมด้วยพอดี กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง ก็ทำท่าบริหารกล้ามเนื้องหน้าท้องไม่ว่าจะ crunch ก็ดี plank ก็ดี air bike ก็ดี mountain climber ก็ดี หรือนอนราบแล้วยกขาเป็นท่าต่างๆก็ดี ท่าเยอะแยะมากกก ฯลฯ การออกกำลังกายแบบนี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวพันกันหมด ที่สำคัญต้องเกร็งหน้าท้องเสมอด้วยนะคะ หากไม่ได้ออกกำลังกาย หรือเวลาว่างๆก็หมั่นแขม่วพุงแล้วเกร็งค้างไว้ ทำบ่อยๆด้วยนะคะ เฉพาะช่วงแรกๆค่ะ (การเกร็งหน้าท้องนั้นต้องทำตอนท้องว่างนะคะ) เหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกันหมด ลำไส้ทำงานดี ผายลมกันสนุกเลยค่ะ หรือจะคาร์ดิโอร่วมด้วยเพื่อให้ผลดียิ่งขึ้นก็ดีค่ะ หลายๆคนประสบความสำเร็จ พุงยุบ แบน กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง หุ่นดี แถมกลับมาขับถ่ายปกติดีอีกด้วย เก่งมากค่ะ และปัจจุบันพี่หมวยก็ลดการออกกำลังกายลงมาเยอะมาก แต่สม่ำเสมอ ถ้าออกก็ออกให้ดีให้เต็มที่ อย่าออกเยอะ อย่าออกนาน พอทำออกมาดีแล้วก็มีความสุข มีเวลาเยอะขึ้น ก็เอาเวลาไปใช้กับการทำอย่างอื่นได้อย่างมีความสุข โดยไม่มีปัญหาเกี่ยวกับท้องผูกอีกเลย และการเกร็งหน้าท้อง ก็ทำแค่ช่วงเวลาออกกำลังกายเท่านั้นค่ะ ไม่ต้องทำบ่อยๆเหมือนช่วงแรกๆค่ะ

4. อันนี้ย้ำว่าต้องทำเลยค่ะ ฝึกขมิบค่ะ วันละ ร้อยถึงหกเจ็ดร้อย ครั้งเป็นต้นค่ะ อันนี้เยี่ยมเลยค่ะ แรกๆอาจจะทำยาก แต่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะ วันละนิดหน่อย (แรกๆอาจจะขมิบเช้า 20 กลางวัน 20 เย็น 20 ก่อนนอน 20 ก็ได้ค่ะ) เดี๋ยวเราจะเริ่มขมิบได้เยอะขึ้นค่ะ ทำแล้วพัก แล้วทำต่อ วันนี้ได้ไม่กี่ครั้ง วันต่อๆไปก็จะเริ่มได้มากขึ้นค่ะ ค่อยๆไล่ทำไปเรื่อยๆค่ะ จะค่อยๆดีขึ้น หลังจากนั้นพอเก่งแล้ว คล่องแล้วก็จะสบายขึ้นค่ะ ค่อยๆปรับเป็น เช้า-เย็น และจากนั้นก็วันละครั้ง สมัยก่อนพี่หมวยก็ขมิบวันละ 700 ครั้งค่ะ แบ่งเป็นเซ็ตๆไปค่ะ หลังๆก็วันละร้อยถึงสองสามร้อยครั้งก็พอค่ะ มีพักบ้าง บางอาทิตย์ก็ลืมบ้าง ^^ (แต่มันก็มีข้อเสียนะคะ อย่าขมิบเยอะมากเกินไปนะคะ ทำอะไรให้ทำแต่พอดีค่ะ ขมิบมากๆ กล้ามเนื้อก้นฟิต ลำไส้แข็งแรงก็ดีจริง แต่ถ้าเกิดมีช่วงที่ท้องผูก หรือนานๆถ่ายที ดื่มน้ำน้อย การทานไม่ค่อยมีวินัย แล้วถ่ายเป็นก้อนแข็ง ใหญ่ กล้ามเนื้อหูรูดที่ฟิตเกินไป ทำให้ถ่ายลำบากอีก เสียดสีเลือดออกขึ้นมาอีกค่ะ) อย่าลืมนะคะที่พี่หมวยเคยสอนไว้เสมอ ทำอะไรทำแต่พอดี มีวินัยแต่ไม่เป็นนิสัย มีวินัยและต้องรู้จักผ่อนปรน ค่อยๆเป็นค่อยๆไป และทำอะไรทำอย่างมีความสุขค่ะ และควบคุมอารมณ์

5. ถ้ารู้สึกปวดให้เข้าห้องน้ำเลยนะคะ อย่ากลั้นไว้

6. ควมคุมอารมณ์ค่ะ สำคัญมาก และเลิกเครียดด้วยนะคะ ความเครียดนี่ตัวดีเลยค่ะ ทำใจให้สบายค่ะ อย่าไปกังวล อย่าไปเครียดกับมัน กลับไปฝึกขมิบ ฝึกตามที่สอนข้างต้นแล้วทำใจให้สบายค่ะ

7. อย่าทำอะไรรีบๆ เร่งๆ ทำนี่พร้อมกับทำนั่น ชีวิตในยุคนี้หลายๆท่านทำอะไรรีบเร่งไปหมด บางทีก็รีบๆกิน เคี้ยวอาหารรีบๆ รีบๆถ่าย รีบๆนั่นนี่ไปหมด ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะคะ อย่าใจร้อน ละบางอย่างได้ก็ละนะคะ

จะทำอะไรทำให้มีความสุขนะคะ มองให้เหนือปัญหา เชื่อมั่นในตัวเองค่ะ แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จนะคะ

พี่หมวยเองก็เคยทรมานกับการถ่ายไม่ออกหลังแปลงเพศค่ะ ที่เกิดจากการต่อลำไส้ ปัจจุบันนี้เรียกว่าถ่ายออกมาก้อนทั้งใหญ่และยาวมาก ย้ำเลยค่ะว่ายาวมาก เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน แรกๆทานผัก ดื่มน้ำ ดื่มนมเปรี้ยว ผสมนั่นผสมนี่ ทานผลไม้ บางวันก็ทานกล้วยน้ำว้าบ้าง มะละกอบ้าง ออกกำลังกาย เป็นการฟิตหุ่นให้สวยเสมอด้วย ช่วงอยู่บนรถบ้าง เดินทางไปไหนมาไหนบ้าง ช่วงที่ออกกำลังกายบ้าง พี่หมวยก็จะขมิบเรื่อยๆ ทีละ 100 แล้วพัก ประมาณ 3-7 ครั้ง จนคล่องมากแล้วค่ะ ปัจจุบันก็ขมิบแค่วันละ 100-200 ทีก็พอแล้วค่ะ ไม่ขมิบเลยเป็นอาทิตย์ก็ยังได้ค่ะ (อย่างที่บอกอย่าขมิบจนมากเกินไป) ทำท่าลดพุงต่างๆ ถือโอกาสฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรง หุ่นดีขึ้น พุงยุบเริ่มมีซิกแพค หุ่นดีขึ้น แข็งแรง อีกทั้งขับถ่ายง่ายขึ้น จากที่เคยเครียด กลุ้มใจ นั่งคิดแต่เรื่องท้องผูก เดี๋ยวนี้ไม่เคยคิด ไม่สนใจ ลืมไปเลยค่ะ ไม่ไปใส่ใจกับมันเลย มันก็จะถ่ายได้เอง ชีวิตกลับมาปกติทุกอย่างค่ะ บางวันก็ลืมขมิบออกไปจากระบบไปเลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องขมิบทุกวันแล้วค่ะ บางทีก็ไม่ขมิบ 2-3 อาทิตย์เลยค่ะ กินสารพัดของอร่อยเลยค่ะ เพราะเราเก่งแล้ว แต่พอว่างไปออกกำลังกายก็จะได้โอกาสขมิบต่อ (ศึกษาร่างกายตัวเองว่าทานอะไรทำให้อุจจาระนิ่มลงเพื่อให้ขับถ่ายง่ายขึ้น อย่างพี่หมวยแรกๆก็จะดื่มนมวันละแก้ว วันละกล่อง สลับๆกันไป นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ นมข้าวกล้อง นมนั่น นมนี่ ทานกล้วยน้ำว้าวันละลูก ขับถ่ายนิ่มสบาย กินบ้างไม่กินบ้าง เอาที่เหมาะกับร่างกายเรา แอปเปิ้ล ชมพู่ มะละกอ ฯลฯ ทานอาหารให้หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดไปหมด มีวินัย แต่ไม่ต้องเข้มงวดมาก และรู้จักผ่อนปรนนะคะ) ทำให้เป็นปกติ ทำให้มันกลายเป็นเรื่องง่ายนะคะ ทำอะไรทำให้มีความสุขนะคะ ตามที่พี่หมวยเคยสอน เรียนรู้แล้วเอาชนะมันค่ะ เดี๋ยวอะไรๆก็ดีขึ้นเองค่ะ

และที่สำคัญอย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปีด้วยนะคะ ปีละ 1-2 ครั้งค่ะ

ปัจจุบันพี่หมวยลืมเรื่องท้องผูกไปเลยค่ะ และไม่เคร่งครัดอะไรมากมายเลยค่ะ ทั้งการกินและการออกกำลังกาย กินทุกอย่างค่ะ ทานอาหารให้หลากหลาย ใช้ชีวิตปกติ มีความสุข อารมณ์ดี ดื่มน้ำเยอะๆ ให้เหมาะกับเรา แถมยังช่วยให้ผิวพรรณดีด้วย ทำอะไรมีวินัยและผ่อนปรนควบคู่กันไปค่ะ ดูแลสุขภายกาย ใจ อารมณ์ มีคุณภาพการนอน คุณภาพการขับถ่ายที่ดี ลูกสาวชอบอะไร ทำอะไร มีความสุขกับสิ่งที่ทำนะคะ เรียนรู้และเอาชนะ ขอให้ลูกสาวมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ปราศจากโรคภัยทั้งหลายนะคะ คนเก่ง

สมัยก่อนพี่หมวยวิ่งวันละ 7-10 โลเป็นประจำ อาทิตย์ละ 5-6 วัน หลังๆมาเหลือวันละ 3-4 โล ปัจจุบันวันละ 1-3 โล อาทิตย์ละ 4-6 วัน วิ่งบ้างเดินเร็วบ้าง (วิ่ง 1 โล เดินเร็ว 2 โล) วิ่งเสร็จก็มาเดินกลับบ้านบ้าง ก็เพียงพอแล้วค่ะ แล้วเวทอีกสักหน่อย หุ่นดีขึ้นมากเลยค่ะ ส่วนการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องก็ทำแค่เฉพาะเวลาออกกำลังกายเท่านั้นค่ะ มีความสุขมากค่ะ ทั้งการกิน ทั้งรูปร่าง ทั้งสุขภาพ แถมมีเวลาเหลือเยอะแยะเลยเอาไปทำงาน ไปเที่ยว หรืออยากทำนู้นทำนี่ วันไหนอยากออกกำลังกายก็ออก ไม่อยากออกก็พัก หยุดออกก็ไม่อ้วน กินอร่อย นอนหลับสบาย หุ่นก็สวย ทุกอย่างสบายใจที่สุดเลยค่ะ แต่ถ้าออก การเกร็ง การยืดเหยียดบริหารคอ หลัง เอว แขน ข้อมือ มือ นิ้วมือ ขา ข้อเท้า เท้า นิ้วเท้า การบริหารปอด บริหารตา บริหารปาก ฯลฯ ต้องครบค่ะ ต้องทำให้ออกมาดีมีประสิทธิภาพได้เหมือนเดิมค่ะ คือถ้าออกกำลังกายก็เต็มที่ ทำให้ดี พอออกเสร็จทำออกมาได้ดีก็ภูมิใจ ถึงเวลาพักก็พักเต็มที่ และที่สำคัญต้องไม่ลืมฝึกขมิบก้น เพื่อบริหารลำไส้ค่ะ ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง มีวินัยแต่ไม่ติดเป็นนิสัย และไม่ว่าทำอะไรทำอย่างมีความสุขนะคะ